อาหารสำหรับลูกสุนัข

ความต้องการทางโภชนาการ

ความต้องการด้านพลังงาน การเลี้ยงดู และสุขภาพเฉพาะของลูกสุนัข ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดร่างกาย

สุนัขพันธุ์จิ๋วและพันธุ์เล็กมีขากรรไกรเล็กและฟันที่เล็กกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ดังนั้นอาหารที่พวกเขาต้องการจะต้องมีขนาดและผิวสัมผัสที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถเคี้ยวได้ง่าย เนื้ออาหารที่สามารถแช่น้ำแล้วอ่อนนุ่มได้ง่ายเพื่อความเหมาะสมสำหรับช่วงหย่านม

สุนัขพันธุ์ขนาดกลางมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่า ดังนั้นอาหารของพวกเขาจำเป็นต้องให้พลังงานในระดับที่เหมาะสม พร้อมการสร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงการดูแลผิวหนังและขน ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันของร่างกายจากแมลงและโรคต่างๆ

สุนัขพันธุ์ใหญ่และพันธุ์ยักษ์จะโตช้ากว่าสุนัขพันธุ์เล็กและมีการพัฒนากล้ามเนื้อในช่วงหลังจากที่โตเต็มที่แล้ว พวกเขาต้องการอาหารที่ช่วยในการเจริญเติบโตที่ต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีผิวสัมผัสและขนาดที่เหมาะสมสำหรับปากของสุนัขเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเคี้ยวและลดความเร็วในการกินลง

ป้องกันปัญหาด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น

ลูกสุนัขทุกตัวมีระบบทางเดินอาหารที่บอบบาง อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขจึงควรมีความสมดุลทางโภชนาการที่เหมาะสมและย่อยง่าย

สุนัขที่มีขนาดเล็กสามารถเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันได้ง่ายกว่า เช่นการสะสมของหินปูน โดยลูกสุนัขทุกตัว ไม่ว่าขนาดใด จำเป็นต้องรักษาสุขอนามัยในช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ เม็ดอาหารขนาดที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นให้ลูกสุนัขเคี้ยว และลดการสะสมของหินปูนได้

สุนัขพันธุ์ใหญ่และพันธุ์ยักษ์ มีความเสี่ยงต่อการกดทับบริเวณข้อต่อในช่วงที่สุนัขเติบโตและสร้างกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นอาหารชนิดแรกที่สุนัขได้รับควรมีสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพข้อต่อ

สุนัขทุกขนาด ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงอายุระหว่าง 4-12 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่สุนัขมี 'ช่องว่างของภูมิคุ้มกัน' โดยภูมิคุ้มกันจากนมแม่สุนัขลดลง ในขณะที่ยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันของตนเองได้ อาหารชนิดแรกที่คุณเลือกให้ลูกสุนัขจึงควรช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในช่วงเวลาที่สำคัญนี้